วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

รีวิว Kindle fire ฉบับใช้งานจริง (ในประเทศไทย) - Part1

เนื่องจากปีก่อนผมได้ซื้อ Kindle Keyboard ไว้เพื่อใช้อ่าน E-book แต่พบว่าไม่สะดวกในการอ่านเอกสารขนาด A4 รวมไปถึงไฟล์ Excel ต่างๆ ดังนั้นจึงมีแนวคิดที่จะหา Tablet ขนาด 7” สักตัว (ไม่อยากให้น้ำหนักมากเกินไป แต่ถ้าเล็กกว่านี้หน้าจอก็จะเล็กเกินไป) ซึ่งสุดท้ายก็ตัดสินใจซื้อ Kindle fire เนื่องจากมี Function ที่ต้องการครบ แบรนด์น่าเชื่อถือ และราคาเป็นไปตามงบประมาณที่ตั้งไว้

ซื้อจากไหนดี? (Update 10/9/55)
     จากที่พยายามหาข้อมูลดูพบว่าเรายังไม่สามารถสั่งจาก Web Amazon.com ให้ส่งมายังประเทศไทยได้โดยตรง ดังนั้นจึงต้องศึกษาวิธีการอื่นๆ ซึ่งเท่าที่รู้ก็มีตามนี้
     
1.ฝากคนรู้จักหิ้วจากอเมริกา
           วิธีการนี้เสียแค่ค่าเครื่อง
$159 และอาจจะต้องจ่ายภาษีนำเข้าด้วย
      2.สั่งของจาก Amazon.com ให้ส่งไปยังบริษัท Shipping ในอเมริกา จากนั้นให้บริษัทส่งต่อมาที่ไทย
           วิธีการนี้เสียค่าเครื่อง $159 + ค่าขนส่งประมาณ $30-$50 + ภาษี? โดยอาจจะต้องไปเคลียร์ของเอง
      3.สั่งของจากคนไทยที่นำมาขายในรูปแบบ Pre-order ซึ่งน่าจะใช้เวลามากกว่าครึ่งเดือน

         
ขั้นตอนคือ สั่งของกับร้าน> โอนเงิน> ร้านสั่งของจากอเมริกา> ของส่งมาที่ไทย>ร้านส่งของให้เรา
        จากที่หาในเน็ตจะเจอประมาณ 2-3 ร้านซึ่งราคาขายอยู่ที่ 6,200 บาทต่อเครื่อง
     4.สั่งของจากคนไทยที่ซื้อเครื่องมา Stock
           อันนี้ก็เจออยู่ประมาณ 2-3 ร้านเช่นกัน ซึ่งสุดท้ายผมซื้อจาก kindleok.com ที่ราคา 8,000 บาท (ก่อนปรับราคา)
จริงๆแล้วอาจจะมีวิธีการอื่นอีก ตัวอย่างด้านบนเป็นเพียงสิ่งที่ผมหามาได้ครับ

 
แกะกล่อง ทดลองใช้งาน
     หลังจากแกะกล่องออกมาก็จะพบตัวเครื่องใส่ถุงพลาสติกวางอยู่ด้านบน
และมี Adapter วางอยู่ที่ด้านล่าง
เมื่อหยิบตัวเครื่องขึ้นมาดูก็รู้สึกว่าแน่นๆหนักๆเล็กน้อย ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมชอบการประกอบลักษณะนี้ สำหรับการออกแบบลักษณะภายนอกก็ค่อนข้างเรียบๆ มีปุ่มให้กดปุ่มให้กดเพียงปุ่มเดียวคือปุ่ม
Power และมีช่องต่ออุปกรณ์ภายนอกเพียงสองช่องคือ ช่องต่อหูฟัง3.5mm และ Micro-USB สำหรับเสียบสายชาร์จกับต่อคอมพิวเตอร์ ประเด็นที่จะติเกี่ยวกับการออกแบบตัวเครื่องคงจะมีเรื่องเดียวคือไม่มีปุ่มสำหรับเพิ่มลดเสียง ซึ่งทำให้การปรับเสียงทำได้ลำบากกว่าที่ควร
      เมื่อกดสวิตซ์เครื่องก็จะพบกับโปรแกรมของ
Amazon.com ซึ่งเน้นใช้เครื่องสำหรับอ่านหนังสือ และเมื่อลงทะเบียนเชื่อมกับ Account ที่เคยซื้อหนังสือไว้แล้ว ก็จะมีปกหนังสือเข้ามาใน Kindle Fire โดยอัตโนมัติ (แต่ถ้าจะอ่านต้องกด Download  เข้ามาก่อน) การต่ออินเตอร์เน็ตก็สามารถทำได้ผ่าน Wifi ซึ่งเป็นทางเลือกเดียวที่เครื่องออกแบบมา ส่วนระบบ Entertainment อื่นๆเช่น เพลง, วีดีโอ จาก Amazon ระบบยังไม่เปิดให้ใช้งานในเมืองไทย ณ ขณะนี้ แต่ที่แย่ที่สุดคือไม่เปิดให้ดาวน์โหลด APPS ของ Amazon แม้ว่าจะเป็นของฟรี ดังนั้นจึงเป็นแรงผลักดันให้ Root เครื่อง เพื่อที่จะลงรอมใหม่

Spec และฟังก์ชั่น: http://www.amazon.com/gp/product/B0051VVOB2/ref=famstripe_kf
รีวิวประสิทธิภาพเครื่องโดยเว็บต่างประเทศ
: http://www.engadget.com/2011/11/14/amazon-kindle-fire-review/


รอก่อนดีไหม มีข่าวลือว่ารุ่นใหม่กำลังมา !!!  (Update 10/9/55)
    
ตอนนี้มีข่าวลือมาว่า Amazon จะออก Kindle fire รุ่นใหม่ประมาณ 2-4 รุ่น ในช่วงเดือนกรกฎาคมปีนี้ ซึ่งจะมีรุ่นขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้นคือ 10.1 และอาจจะมีรุ่นขนาดหน้าจอ 8.9 นิ้วด้วย สำหรับขนาดหน้าจอเท่าเดิม (7นิ้ว) ก็จะมีรุ่นปรับปรุงใหม่ออกมาช่วงเดือนมิถุนายนปีนี้ โดยอาจจะแบ่งเป็น 2 spec - เพิ่ม model สำหรับ entry-level ซึ่งจะมี spec ต่ำกว่า (Source: Digitimes.com)
     สุดท้ายแล้วมีหลายคนพยากรณ์ว่ายอดขาย Tablet PC ทั่วโลกในปีนี้จะนำโดย Apple iPad และอันดับสองจะเปลี่ยนจาก Samsung Galaxy tab เป็น Amazon Kindle ซึ่งคงจะต้องติดตามกันต่อไป
     ทีนี้กลับมาที่ประเด็นว่าจะซื้อ Kindle fire ตอนนี้เลยดีหรือไม่.. ก็คงต้องตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่า จะเอาเครื่องมาใช้ทำอะไร แล้วSpecปัจจุบันเพียงพอสำหรับการใช้งานหรือเปล่า, ซื้อมาแล้วใช้งานทันทีหรือเปล่า, งบประมาณเพียงพอหรือเปล่า ถ้าคำตอบทุกข้อคือ"ใช่" คงไม่ต้องลังเลแล้วครับ

     สรุปว่ามีการเปิดตัวเครื่องรุ่นใหม่ในเดือนกันยายน 2555 และเริ่มขายจริงต้นเดือนตุลาคม.. ถ้าคุณต้องการนำเครื่องมาใช้อ่านหนังสือเป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องใช้กล้อง และหน่วยความจำ 8GB เพียงพอ (เหลือจริงประมาณ 5 GB) ก็น่าจะซื้อรุ่นนี้ได้เลยครับ.. แต่ถ้าไม่เพียงพอใช้งานก็แนะนำให้ซื้อรุ่นใหม่โดยเพิ่มเงินประมาณ 1,300 บาท

Part2: Root / ลงRom / แก้ปัญหา


1 ความคิดเห็น:

  1. อันนี้เพิ่มเติมข้อมูลบริษัท Shipping ที่เขียนไว้ในข้อ 2 ครับ
    http://www.shipito.com/
    http://www.myus.com/

    หลักการคือสั่งของจาก Amazon ให้ส่งไปที่โกดังในอเมริกา จากนั้นเขาก็จะส่งต่อมายังที่อยู่เรา

    ตอบลบ